เรียนต่อจากเรื่อง การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
บทบาทของครู
• ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู
• ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
• จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น
ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
• ให้เด็กมีกิจกรรม
เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง
การส่งเสริมทักษะต่างๆ ของเด็กพิเศษ
1. ทักษะทางสังคม
• การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
• เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
• ในช่วงแรกๆ
เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน
แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง
ยุทธศาสตร์การสอน
• เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
• ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
• จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
• ครูจดบันทึก
• ทำแผน IEP
การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
• วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
• คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
• ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ
2-4 คน
• เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน
“ครู” ให้เด็กพิเศษ
ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น
• อยู่ใกล้ๆ
และเฝ้ามองอย่างสนใจ
• ยิ้มและพยักหน้าให้
ถ้าเด็กหันมาหาครู
• ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
• เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม
เพื่อยืดเวลาการเล่น
• ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม
การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
• ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
• ทำโดย “การพูดนำของครู”
ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์
• ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ
• การให้โอกาสเด็ก
• เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆ เหมือนเพื่อนในห้อง
• ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง
2. ทักษะภาษา
• เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
• ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
• ถามหาสิ่งต่างๆไหม
• บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
• ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม
การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
• ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
• ห้ามบอกเด็กว่า “พูดช้าๆ”
“ตามสบาย” “คิดก่อนพูด”
• อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
• อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
• ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น
• เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน
3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด
การกินอยู่
การเข้าห้องน้ำ
การแต่งตัว
กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน
ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง
• แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
• เรียงลำดับตามขั้นตอน
4. ทักษะพื้นฐานทางการเรียน
• การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้
• มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
• เด็กรู้สึกว่า “ฉันทำได้”
• พัฒนาความกระตือรือร้น
อยากรู้อยากเห็น
• อยากสำรวจ อยากทดลอง
โปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล
(Individualized Education Program)
(Individualized Education Program)
แผน IEP
• คัดแยกเด็กพิเศษ
• ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
• ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ
จะทำให้ทราบว่าจะต้องเริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน ในทักษะใด
• เด็กสามารถทำอะไรได้ / เด็กไม่สามารถทำอะไรได้
• แล้วจึงเริ่มเขียนแผน IEP
ประกอบด้วย
• ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
• ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
• การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
• เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้น
• ระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
• วิธีการประเมินผล
ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล
1. การรวบรวมข้อมูล
• รายงานทางการแพทย์
• รายงานการประเมินด้านต่างๆ
• บันทึกจากผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง
2. การจัดทำแผน
• ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง
• กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
• กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
• จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดจุดมุ่งหมาย
จุดมุ่งหมายระยะยาว
• กำหนดให้ชัดเจน
แม้จะกว้าง
– น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้
– น้องดาวร่วมมือกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
– น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆ ได้
จุดมุ่งหมายระยะสั้น
• ใคร
• อะไร
• เมื่อไหร่ / ที่ไหน
• ดีขนาดไหน
3. การใช้แผน
4. การประเมินผล ** การประเมินในแต่ละทักษะหรือแต่ละกิจกรรม
อาจใช้วิธีวัดและกำหนดเกณฑ์แตกต่างกัน**
- ได้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทครูที่จะปฏิบัติต่อเด็กมากขึ้น ทำให้สามารถรู้เทคนิคการสอน การรับมือกับพฤติกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการเขียนเพื่อจัดกิจกรรมให้กับเด็กพิเศษ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อเด็ก คุณครู และผู้ปกครอง
ประเมินตนเอง : เมื่ออาจารย์อธิบาย ยกตัวอย่างเพิ่มเติม ทำให้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น มีความสุขในการเรียน ไม่เคร่งเครียด
ประเมินเพื่อน : เพื่อน ๆ ตรงต่อเวลา เมื่อมีปัญหาหรือมีอะไรก็จะแลกเปลี่ยนให้กันฟังตลอด ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา เป็นกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส ให้คำปรึกษาที่ดีแก่นักศึกษาเสมอมา