วันศุกร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 2

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2560 : เวลา 08.30 - 12.30 น.



          วันนี้ เรียนเป็นชั่วโมงแรก อาจารย์ได้ให้ใบปั๊มการเข้าเรียน และให้ตัวปั๊มรูปคิตตี้ว่ามาเรียนตรงเวลา และได้รางวัลเด็กดีคนละ 1 ดวง สำหรับทุกคนที่มาเรียนในวันนี้ จากนั้นก็แนะนำ แนวการสอนต่าง ๆ อย่างคร่าว ๆ ที่จะเรียนหรือทำกิจกรรมในเทอมนี้
  • บทเรียนที่ 1 คือ เด็กที่มีความต้องการพิเศษ
     (Children with special needs) เพื่อเป็นการทบทวนความรู้เดิม และสามารถต่อยอดความรู้ใหม่ต่อไป
เด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
 (Early Childhood with special needs)
  • ความหมาย
1. ทางการแพทย์  มักจะเรียกเด็กที่มีความต้องการพิเศษว่า “เด็กพิการ” หมายถึง 
          เด็กที่มีความผิดปกติ มีความบกพร่อง สูญเสีย สมรรถภาพ อาจเป็นความผิดปกติ ความบกพร่องทางกาย การสูญเสียสมรรถภาพทางสติปัญญา ทางจิตใจ

2. ทางการศึกษา เด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะของตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องจัดการศึกษาให้ต่างไปจากเด็กปกติทางด้านเนื้อหา หลักสูตร กระบวนการที่ใช้ และการประเมินผล

  
  • พฤติกรรมและพัฒนาการของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ

    เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
    •  เด็กที่มีพัฒนาการล่าช้ากว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน
    •  พัฒนาการล่าช้าอาจพบเพียงด้านใดด้านหนึ่ง หลายด้าน หรือทุกด้าน
    •  พัฒนาการล่าช้าในด้านหนึ่งอาจส่งผลให้พัฒนาการในด้านอื่นล่าช้าด้วยก็ได้

    ปัจจัยที่มีผลต่อพัฒนาการ
    •  ปัจจัยทางด้านชีวภาพ 
    •  ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมก่อนคลอด     
    •  ปัจจัยด้านกระบวนการคลอด      
    •  ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมหลังคลอด 

    สาเหตุที่ทำให้เกิดความบกพร่องทางพัฒนาการ
    1. พันธุกรรม
    ปากแหว่งเพดานโหว่ 
    (จะมีปัญหาเรื่องการพูด และเวลาเป็นหวัด มีน้ำมูก)

    นอกจากนั้น ยังมีเด็กสีผิวเผือก, ดาวน์ซินโดรม, neurofibromatosis : เท้าแสนปม

     2. โรคของระบบประสาท
    •  เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการส่วนใหญ่มักมีอาการหรืออาการแสดงทางระบบประสาทร่วมด้วย 
    •  ที่พบบ่อยคือ อาการชัก
    3. การติดเชื้อ 
    •  การติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย ศีรษะเล็กกว่าปกติ อาจมีตับม้ามโต (สามารถรักษาได้) การได้ยินบกพร่อง ต้อกระจก (เสี่ยงต่อการเป็นหูหนวก ตาบอด)
    •  นอกจากนี้การติดเชื้อรุนแรงภายหลังเกิด เช่น สมองอักเสบ เยื้อหุ้มสมองอักเสบ 
    เป็นสาเหตุที่พบได้บ้าง
    4. ความผิดปกติเกี่ยวกับเมตาบอลิซึม
    (เกี่ยวกับฮอร์โมน ระบบเผาผลาญ)
      โรคที่ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขไทย คือ ไทรอยด์ฮอร์โมนในเลือดต่ำ (รักษาได้ แต่ไม่หายขาด ต้องรักษาอย่างสม่ำเสมอ)
    อาการ 
    -  รู้สึกหนาวได้ง่าย
    -  เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
    -  ผิวหนังแห้งกว่าปกติ
    -  ผมแห้ง
    -  ซึม ขี้หลงขี้ลืม
    -  ท้องผูก
    5. ภาวะแทรกซ้อนระยะแรกเกิด
    •  การเกิดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย และภาวะขาดออกซิเจน
    6. สารเคมี
    •  ตะกั่วเป็นสารที่มีผลกระทบต่อเด็กและมีการศึกษามากที่สุด
    •  มีอากาศซึมเศร้า เคลื่อนไหวช้า ผิวดำหมองคล้ำเป็นจุดๆ
    •  ภาวะตับเป็นพิษ
    •  ระดับสติปัญญาต่ำ
    แอลกอฮอล์




    •  น้ำหนักแรกเกิดน้อย
    •  มีอัตราการเพิ่มน้ำหนักหลังเกิดน้อย ศีรษะเล็ก
    •  พัฒนาการของสติปัญญาก็มีความบกพร่อง
    •  เด็กบกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
                                      (ไม่มีผลต่อสติปัญญา)

    นิโคติน

    •  น้ำหนักแรกเกิดน้อย ขาดสารอาหารในระยะตั้งครรภ์
    •  เพิ่มอัตราการตายในวัยทารก
    •  สติปัญญาบกพร่อง
    •  สมาธิสั้น พฤติกรรมก้าวร้าว มีปัญหาด้านการเข้าสังคม
    7. การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งการขาดสารอาหาร (ไม่ใช่สาเหตุหลัก)
    8. สาเหตุอื่นๆ (เช่น อุบัติเหตุ คลอดก่อนกำหนด)



    อาการของเด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
    •  มีพัฒนาการล่าช้าซึ่งอาจจะพบมากกว่า 1 ด้าน
    •  ปฏิกิริยาสะท้อน (primitive reflex) ไม่หายไปแม้จะถึงช่วงอายุที่ควรจะหายไป (ปกติควรหายก่อน 1 ขวบ)


    แนวทางการวินิจฉัย
    เด็กที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการ
    1. การซักประวัติ
    2. การตรวจร่างกาย
    3. การสืบค้นทางห้องปฏิบัติการ
    4.การประเมินพัฒนาการ
    การประเมินที่ใช้ในเวชปฏิบัติ
    •  แบบทดสอบ Denver II
    •  Gesell Drawing Test 
    •  แบบประเมินพัฒนาการเด็กตามคู่มือส่งเสริมพัฒนาการเด็กอายุแรกเกิด - 5 ปี สถาบันราชานุกูล  






    • มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษมากขึ้น เพื่อที่จะนำไปใช้ในการเรียน และการสอน การจัดประสบการณ์แบบเรียนรวมได้อย่างถูกต้อง
    • ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมต่าง ๆ ของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ และสามารถปฏิบัติตนต่อเด็กอย่างถูกต้อง เช่น ต้องใจเย็น มีเมตตา ให้สิทธิเท่าเทียมกันกับเด็กคนอื่น ๆ เอาใจใส่เป็นพิเศษ เป็นต้น


    ประเมินตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลา มีความเข้าใจเกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษมากขึ้น สามารถทำแบบทดสอบได้อย่างถูกต้อง
    ประเมินเพื่อน : เพื่อน ๆ ให้คำปรึกษา เมื่อไม่เข้าใจ มีความกระตือรือร้นในการเรียน การทำกิจกรรม 
    ประเมินอาจารย์ : อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา ยกตัวอย่างพฤติกรรม ลักษณะของเด็กที่มีความต้องการพิเศษให้นักศึกษาเข้าใจมากขึ้น รวมทั้งการเล่าประสบการณ์ให้ฟัง เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน บรรยากาศการเรียนมีความสุข สนุกสนาน

    ............................................................................

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น